การใช้คำสรรพนาม(Pronouns) บุรุษที่ 1 บุรุษที่2 บุรุษที่ 3

สวัสดีครับนักศึกษา ก่อนที่จะขยายความต่อจากครั้งที่แล้ว ผมมีสิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อน เพื่อให้เข้าใจตรงกันและป้องกันการตีความหมายในการให้นิยาม เกี่ยวกับคำสรรพนาม มีดังนี้
คำว่า Pronoun ในภาษาไทย แปลว่า บุรุษสรรพนาม
ในภาษาอังกฤษจะแบ่ง Pronoun ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. First-person ในภาษาไทยจะเรียกว่า บุรุษที่ 1 (ใช้แทนผู้พูด)
ได้แก่ I (ฉัน) กับ We (พวกเรา)
2.Second-person ในภาษาไทยจะเรียกว่า บุรุษที่ 2 (ใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย)
ได้แก่ You (คุณ/พวกคุณ)
3.Third-person ในภาษาไทยจะเรียกว่า บุรุษที่ 3 (ใช้แทนคนอื่นที่ผู้พูดกล่าวถึง)
ได้แก่ She (หล่อน), He (เขา), It (มัน) , They (พวกหล่อน พวกเขา พวกมัน)

ในตอนที่ 8 ผมได้อธิบายหัวข้อเกี่ยวกับ Personal Pronouns (สรรพนามเกี่ยวกับบุคคล) หรือบุรุษสรรพนามที่ใช้อ้างอิงถึงบุคคล ก็แล้วเราจะเรียกเถิด ประเด็นต่อไปก็จะมีดังต่อไปนี้ครับ

Personal Pronouns (สรรพนามเกี่ยวกับบุคคล) ของ บุรุษที่ 1 บุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3

นิยาม
1. สรรพนามแทนบุคคล บุรุษที่ 1 หมายถึง ผู้พูด หรือ speaker (first person)
2. สรรพนามแทนบุคคล บุรุษที่ 2 หมายถึง ผู้ที่ผู้พูดสนทนาด้วย หรือ  addressee (second person)
3. สรรพนามแทนบุคคล บุรุษที่ 3 หมายถึง ผู้ที่ผู้พูดกล่าวถึง หรือ others beyond that (third person)

First-person pronouns  (สรรพนามที่ใช้แทนตัวผู้พูด หรือ ผู้เขียนเอง) หรือ บุรุษที่ 1

First person pronouns (บุรุษที่ 1) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1. Singular (เอกพจน์) ได้แก่ I, me, my, mine, myself
2. Plural (พหูพจน์) ได้แก่ we, us, our, ours, ourselves

พิจารณาตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
• “I don’t know where my hat is!”
(ฉันไม่รู้ว่าหมวกของฉันอยู่ที่ไหน)
• “Janet is meeting me in town later.”
(Janet จะพบฉันในเมืองภายหลัง)
• “Hey, that book is mine! I bought it!”
(เฮ้ หนังสือเล่มนั้นเป็นของฉัน ฉันได้ซื้อมันมา)
กรณีใช้แทนผู้พูดหลายคน
• “We brought our own car.”
(พวกเราได้นำรถของพวกเราไปเอง)
• “They told us to help ourselves.”
(พวกเขาได้บอกพวกเราให้ช่วยเหลือด้วยตัวของพวกเราเอง)

Second-person pronouns (สรรพนามที่ใช้แทนคนที่พูดด้วย) หรือ บุรุษที่ 2

Second-person pronouns (บุรุษที่ 2) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1. Singular (เอกพจน์) ได้แก่ you,  you,  your,  yours,  yourself
2. Plural (พหูพจน์) ได้แก่ you,  you,  your,  yours,  yourselves
เราจะพบว่า สรรพนามแทนบุรุษที่ 2 จะมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์ที่เหมือนกัน ยกเว้น yourself  ถ้าหมายถึงพหูพจน์ จะเปลี่ยนรูปเป็น yourselves นอกนั้นจะมีรูปเหมือนกัน ซึ่งต่างจากสรรพนาแทนบุรุษที่ 1 ครับ

พิจารณาตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
• “Bill, I was wondering if you  could help me with the dishes?” (กรณีนี้ you เป็นรูปเอกพจน์)
(บิล ฉันอยากจะขอร้องว่าคุณจะช่วยฉันล้างจานหน่อยได้ไหม)
• “Children, where are your manners?” (กรณีนี้ your ใช้แทนพหูพจน์)
(เด็ก มรรยาทของพวกคุณอยู่ที่ไหนกัน)
• “You  really must learn to help yourself.” (กรณีนี้ You และ yourself เป็นรูปเอกพจน์)
(จริง ๆ แล้ว คุณต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือด้วยตัวคุณเอง)
• “I’m sick of cleaning up after all of you;  from now on, you  can clean up after yourselves!”
(ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับการที่ต้องมาจัดการสิ่งสกปรกของพวกคุณ ต่อจากนี้ไป พวกคุณจะต้องจัดการด้วยตัวของพวกคุณเอง)
(กรณีนี้เราจะเห็นว่า you และ yourselves ใช้แทนเป็นรูปพหูพจน์)

หมายเหตุเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช้สรรพนาม You
การใช้คำสรรพนามแทนด้วย You เรามักเห็นบ่อยที่ใช้โดยไม่ระบุบุคคลที่ชัดเจน หรือหมายถึง generic you, impersonal you, หรือ indefinite you แต่ใช้เป็นทางการน้อยกว่า เมื่อเทียบกับสรรพนาม "one" หมายความว่า เราสามารถใช้ you โดยไม่ได้ชี้เฉพาะว่าเป็น you คนไหน หรือ you ทั่ว ๆ ไป แต่ในภาษาเขียนที่เป็นทางการมักจะใช้ one แทน โดยหมายถึง คนทั่ว ๆ ไป

Third-person pronouns (สรรพนามที่ใช้แทนคนอื่นที่ผู้พูดกล่าวถึง) หรือ บุรุษที่ 3

Third-person pronouns (บุรุษที่ 3) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
1. บุรุษที่ 3 เอกพจน์ เพศหญิง (Feminine singular) ได้แก่ she, her, hers, herself
2. บุรุษที่ 3 เอกพจน์ เพศชาย (Masculine singular) ได้แก่ he, him, his, himself
3. บุรุษที่ 3 เอกพจน์ เพศกลาง (Neuter singular) ได้แก่ it, its, its own, itself
4. บุรุษที่ 3 พหูพจน์ ไม่ระบุเพศ (Third person plural) ได้แก่ they, them, their, theirs, themselves

กรณีพิเศษเกี่ยวกับบุรุษที่ 3 ซึ่งผมได้บอกไว้แล้ว แต่ขอขยายความเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ครับ

ในปัจจุบันเราสามารถใช้ they, them, their, theirs, themselves แทนบุรุษที่ 3 เอกพจน์ ที่ไม่ระบุเพศ หรือที่เรียกว่า กลุ่ม nonbinary (ไม่เป็นเพศชายหรือเพศหญิง) หรือหมายถึงคนที่ไม่ต้องการระบุเพศตัวเอง

พิจารณาตัวอย่างประโยคนี้อีกครั้ง
■ "Each student should get their supplies ready for class."
(นักเรียนแต่ละคนควรได้รับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของพวกเขาที่พร้อมสำหรับชั้นเรียน)
จากประโยคนี้เราจะเห็นว่า Each student เป็นคำนามเอกพจน์บุรุษที่ 3 แต่มีการใช้สรรพนามแทนว่า their ซึ่งโดยปกติ their จะใช้แทนบุรุษที่ 3 พหูพจน์ ที่ใช้แบบนี้ เจ้าของภาษาได้ให้เหตุผลว่า ถึงแม้ว่าคำว่า "นักเรียนแต่ละคน" เป็นรูปเอกพจน์ แต่เราไม่รู้(หรือไม่จำเป็นต้องรู้) ว่านักเรียนแต่ละคนมีสถานะภาพทางเพศ(Gender/Sex) เป็นแบบไหนกันแน่ จึงใช้ they แทนครับ

■ "I sent them a birthday card."
(ฉันได้ส่งบัตรอวยพรวันเกิดไปให้พวกเขา)
จะไม่ใช้ประโยคว่า  "I sent him a birthday card."
เราอาจจะระบุว่าเป็นเป็นชายหรือหญิง ว่าเป็น she หรือ he โดยการถาม หรือ ใช้กับเพื่อนที่เรารู้จัก แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่เราไม่รู้สถานภาพทางเพศที่แน่ชัด ในอเมริกาจะใช้ they, them, their... แทนครับ

นอกเหนือจากเหตุผลทางไวยากรณ์แล้ว เราจะพบว่า เขามักจะใช้สรรพนาม they/them/their แทนบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQ (lesbian, gay, bisexual, transgender, queer, questioning) เพื่อเป็นการแสดงถึงการให้เกียรติต่อคนกลุ่มนี้

ข้อสงสัยต่อมา ถามว่า เมื่อเราใช้สรรพนาม they แทนคำนามเอกพจน์แล้ว รูปกริยาของ they จะต้องเป็นเอกพจน์ด้วยหรือไม่ คำตอบคือ กริยายังเป็นรูปพหูพจน์อยู่ เพียงแต่ they ใช้แทนเอกพจน์ หรือ ในทางไวยากรณ์ เราเรียกว่า "Singular They" ครับ

สำหรับโพสท์นี้ จะขยายความเรื่องคำสรรพนามไว้เพียงแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป สวัสดีครับ

เรียบเรียงโดย
  • ติวเตอร์แบงค์
  • สถาบันติว PERFECT ซ.รามคำแหง 43/1
  • ติวเตอร์ประจำวิชา ENG, ENS, CEN2101, CEN2102, APR2101
  • ติดต่อติวเตอร์ โทร. 081-7269394 Line ID : sjbank
เอกสารอ้างอิง
  1. Brinton, Laurel J. & Donna M. Brinton. 2010. The linguistic structure of Modern English, 2nd edn. Amsterdam: John Benjamins Publishing Company.
  2. Hopper, Paul J. 1999. A short course in grammar. New York: W. W. Norton & Company.
  3. Huddleston, Rodney. 1984. Introduction to the grammar of English. Cambridge: Cambridge University Press.
  4. Raymond Murphy. 2019. English Grammar in Use, Cambridge University Press; 5 edition (24 Jan. 2019).
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 4 ธ.ค. 2562