หัวข้อนี้จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ Modal Verb คือ Should ก่อนลงรายละเอียดผมมีคำถามให้นักศึกษาลองตอบดูก่อน เป็น pre-test สัก 1 ข้อนะครับ
Which of the following sentences uses should to express an expectation?
a) “I will be just around the corner should I be needed.”
b) “We really shouldn’t lie to your parents like this.”
c) “Don’t forget a spare pencil lest yours should break.”
d) “The movie should finish around 5 PM.”
คำถามมีว่า ประโยคไหนต่อไปนี้ ใช้ should เพื่อแสดงถึงการคาดคะเน
การใช้ Modal Verb : Should
นิยามหลักการใช้ should สามารถนำมาใช้ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1. เราจะใช้ should เพื่อบอกหน้าที่หรือสิ่งที่ควรทำ (obligations or duties)
2. เราจะใช้ should เพื่อขอคำแนะนำ หรือ การให้คำแนะนำ
3. เราจะใช้ should เพื่อแสดงออกถึงการคาดคะเน
4. เราจะใช้ should เพื่อสร้างประโยคเงื่อนไข
5. เราจะใช้ should เพื่อแสดงความประหลาดใจ
นอกจากนี้แล้ว should มีหลายกรณีที่ใช้ใน British English ซึ่งไม่มีใน American English
การใช้ should เพื่อบอกถึงสิ่งที่ควรทำอย่างสุภาพ
โดยทั่วไปแล้วการบอกถึงสิ่งที่ควรทำหรือต้องทำ เราสามารถใช้ will, shall, และ must ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม will, shall, และ must จะมีความหมายเชิงบังคับมากกว่า ส่วนการใช้ should จะมีลักษณะเป็นคำแนะนำ มากกว่าเป็นกฎที่จะต้องปฏิบัติ ครับพิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I think she should pay for half the meal.”
(ฉันคิดว่าหล่อน ควรจ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง)
• “You shouldn’t play loud music in your room at night.”
(คุณไม่ควรเล่นดนตรีเสียงดังในห้องตอนกลางคืน)
• “I think healthcare should be free for everyone.”
(ฉันคิดว่า การรักษาสุขภาพควรจะฟรีสำหรับทุกคน)
• “She should not be here; it’s for employees only.”
(หล่อนไม่ควรอยู่ที่นี่ มันเป็นที่สำหรับพนักงานเท่านั้น)
การใช้ should เพื่อถามเหตุผลในสิ่งที่ควรทำ
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Why should I have to pay for my brother?”
(ทำไมฉันควรต้องจ่ายเงินให้พี่ชายด้วย)
• “Why shouldn’t we be allowed to talk during class?”
(ทำไมพวกเราไม่ควรได้รับอนุญาตให้คุยในชั้นเรียน)
การใช้ should เพื่อขอคำแนะนำหรือให้คำแนะนำ
หมายเหตุความหมายศัพท์
advice (n.) หมายถึง ความคิดเห็นหรือข้อเสนอว่าคนนั้นควรทำอะไรในสถานการณ์ใด
suggestion (n.) หมายถึง แนวคิดที่คุณเสนอให้คนบางคนรับไว้พิจารณา
recommendation (n.) หมายถึง การเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “You should get a good map of London before you go there.” (recommendation)
(คุณควรมีแผนที่กรุงลอนดอนดี ๆ ก่อนที่คุณจะไปที่นั่น) (ให้คำแนะนำ)
• “You shouldn’t eat so much junk food—it’s not good for you.” (advice)
(คุณไม่ควรกินจังก์ฟู้ดมาก มันไม่ดีต่อคุณ) (เสนอความเห็น)
• “What should I see while I’m in New York?”
(ฉันควรดูอะไรดี ขณะที่ฉันอยู่ในนิวยอร์ค)
• “Is there anything we should be concerned about?”
(มีสิ่งใดไหมที่พวกเราควรคำนึงถึง)
การใช้ should เพื่อแสดงถึงการคาดคะแน
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “She should be here by now.”
(หล่อนคาดว่าอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้)
• “They should be arriving at any minute.”
(พวกเขาคาดว่าจะมาถึงในไม่กี่นาที)
• “She shouldn’t be here yet.”
(หล่อนไม่คาดว่ายังอยู่ที่นี่)
• “He shouldn’t be arriving for another hour.”
(เขาไม่คาดว่าจะถึงในอีกชั่วโมง)
โดยปกติเราจะใช้ should + be เพื่อแสดงถึงการคาดคะเน และการใช้ should นั้นไม่ได้หมายถึงการกระทำในอนาคต แต่พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเท่านั้น
การใช้ should กับ be supposed to กับ be meant to
เราจะพบว่ามีการใช้ 3 คำนี้แทนกัน เพื่อบอกถึงสิ่งที่คาดไว้หรือต้องเกิดขึ้น ซึ่งมีความหมายเดียวกัน
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “He should be here at 10 AM.” (เขาคาดว่าอยู่ที่นี่ ณ 10 น.)
• “He is meant to be here at 10 AM.” (เขาคาดว่าอยู่ที่นี่ ณ 10 น.)
• “He is supposed to be here at 10 AM.” (เขาคาดว่าอยู่ที่นี่ ณ 10 น.)
ในขณะเดียวกันเราสามารถนำมาสร้างประโยคคำถามเพื่อขอเหตุผลได้ด้วย
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Why should I have to pay for my brother?” (ทำไมฉันควรต้องจ่ายเงินให้พี่ชาย)
• “Why am I meant to pay for my brother?” (ทำไมคาดว่าฉันต้องจ่ายเงินให้พี่ชาย)
• “Why am I supposed to pay for my brother?” (ทำไมคาดว่าฉันต้องจ่ายเงินให้พี่ชาย)
จากตัวอย่างที่ยกมาเราจะเห็นได้ว่า should กับ be supposed to กับ be meant to มีความหมายว่า ควรจะ หรือคาดว่าเกิดขึ้น
แต่เมื่อเป็นประโยคบอกเล่าจะมีความหมายแบบนี้
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I think she should pay for half the meal.” (หน้าที่)
(ฉันคิดว่าหล่อนควรจ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง)
• “I think she is supposed to pay for half the meal.” (ความคาดหวัง)
(ฉันคิดว่าหล่อนจะได้จ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง)
• “I think she is meant to pay for half the meal.” (ความคาดหวัง)
(ฉันคิดว่าหล่อนจะได้จ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง)
แต่ในอีกกรณี be supposed to กับ be meant to มีความหมายถึงความเชื่อโดยทั่วไป ซึ่งในกรณีนี้เราไม่สามารถใช้ should ได้
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “He is supposed to be one of the best lawyers in town.” (ความเชื่อทั่วไป)
(เขาได้รับความเชื่อถือว่าเป็นหนึ่งในทนายความที่ที่สุดในเมือง)
• “He is meant to be one of the best lawyers in town.” (ความเชื่อทั่วไป)
(เขาได้รับความเชื่อถือว่าเป็นหนึ่งในทนายความที่ที่สุดในเมือง)
• “He should be one of the best lawyers in town.” (หน้าที่)
(เขาควรจะเป็นหนึ่งในทนายความที่ดีที่สุดในเมือง)
จากตัวอย่างนักศึกษาจะพบว่า การใช้ should นั้น มีหลายกรณีและมีความหมายที่แตกต่างกันตามบริบทการใช้ จึงต้องพิจารณาให้ดี
การใช้ should เพื่อสร้างประโยคเงื่อนไข
เราสามารถใช้ should เพื่อสร้างสถานการณ์แบบมีเงื่อนไขที่เป็นไปได้
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “If anyone should ask, I will be at the bar.”
(ถ้าใครอยากจะถาม ฉันจะอยู่ที่บาร์)
• “If your father should call, tell him I will speak to him later.”
(ถ้าพ่อขอบคุณอยากจะโทร บอกเขาว่าฉันจะคุยกับเขาในภายหลัง)
ในบางกรณีเราจะพบว่า มีการใช้ should ไปแทน if ในประโยคเงื่อนไขได้
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Should you need help on your thesis, please ask your supervisor.”
(ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานวิจัยของคุณ โปรดถามกับหัวหน้าของคุณ)
• “The bank is more than happy to discuss financing options should you wish to take out a loan.”
(ธนาคารยินดีอยางยิ่งที่จะพูดคุยทางเลือกเกี่ยวกับการเงิน ถ้าคุณอยากจะขอสินเชื่อ)
การใช้ should เพื่อแสดงความประหลาดใจ
เป็นการใช้ should เพื่อเน้นความประหลาดใจต่อสิ่งที่ไม่คาดคิด โดยเราจะใช้ when แล้วตามด้วย but
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I was minding my own business, when who should I encounter but my brother Tom.”
(ฉันกำลังห่วงเรื่องตัวเองอยู่ เมื่อฉันเผชิญกับคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ ทอม น้องชายของฉัน)
• “The festival was going well when what should happen but the power goes out!”
(งานเฉลิมฉลองดำเนินไปด้วยดี เมื่อมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือไฟฟ้าดับ!)
การใช้ should ใน British English
โดยปกตินั้น มีการใช้ should ใน British English หลากหลายกรณีมากกว่า American English
ในหลายกรณีที่มีการใช้ would แทน should ได้ แต่บางกรณีจะใช้ในลักษณะที่เฉพาะเจาะจง
ใน American English จะใช้ would เป็นส่วนใหญ่
ใน British English จะใช้ should เพื่อเพิ่มระดับความเป็นทางการ
กรณีประโยคเงื่อนไขและการให้คำแนะนำ
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I should/would apologize to the boss if I were you.”
• “I shouldn’t/wouldn’t worry about that right now.”
กรณีแสดงความปรารถนา
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I should/would like to go to the movies later.”
• “We shouldn’t/wouldn’t care to live in a hot climate.”
• “I should/would like a cup of tea, if you don’t mind.”
• “I don’t know that I should/would care for such an expensive house.”
กรณีต้องการถามเหตุผลหรือความจำเป็น
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Why should/would my brother lie to me?”
• “Why should/would they expect you to know that?”
กรณีต้องการบอกจุดประสงค์
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I brought a book so that I shouldn’t/wouldn’t be bored on the train ride home.”
(ฉันได้นำหนังสือเล่นหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้ ฉันจะไม่เบื่อตอนนั่งรถไฟกลับบ้าน)
• “He bought new boots in order that his feet should/would remain dry on the way to work.”
(เขาซื้อรองเท้าบู๊ตใหม่ เพื่อที่จะทำให้ เท้าของเขาจะคงแห้งเมื่อเดินทางไปทำงาน)
กรณีการใช้ should ตามหลัง that
ใน British English มีการใช้ should ตามหลัง that หรือวลีอื่น ๆ เพื่อสร้างความหมายที่เฉพาะ ในกรณีที่ใช้เป็นภาษาในระดับทางการขึ้นไปอีก
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “It’s very sad that she should be forced to leave her house.”
(เป็นเรื่องเศร้ามากที่หล่อนจะถูกบังคับให้ออกจากบ้านหล่อน)
• “Isn’t it strange that we should meet each other again after all these years?”
(ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหม ที่พวกเราจะพบกันอีกครั้งหลังจากหลายปีมานี้)
สำหรับโพสท์นี้ก็จะพูดถึงการใช้ should พอคร่าว ๆ แค่นี้ครับ หัวข้อถัดไปจะพูดถึง การใช้ can กันต่อ สวัสดีครับ
เรียบเรียงโดย
- ติวเตอร์แบงค์
- สถาบันติว PERFECT ซ.รามคำแหง 43/1
- ติวเตอร์ประจำวิชา ENG, ENS, CEN2101, CEN2102, APR2101
- ติดต่อติวเตอร์ โทร. 081-7269394 Line ID : sjbank
- Brinton, Laurel J. & Donna M. Brinton. 2010. The linguistic structure of Modern English, 2nd edn. Amsterdam: John Benjamins Publishing Company.
- Hopper, Paul J. 1999. A short course in grammar. New York: W. W. Norton & Company.
- Huddleston, Rodney. 1984. Introduction to the grammar of English. Cambridge: Cambridge University Press.
- Raymond Murphy. 2019. English Grammar in Use, Cambridge University Press; 5 edition (24 Jan. 2019).
- Marianne Celce-Murcia (Author), Donna M. Brinton. 2013. Teaching English as a Second or Foreign Language. Cengage Learning, 4th edition.
- Peter Huring. 2016. Complete English Grammar Rules - Examples, Exceptions & Everything You Need to Master Proper Grammar by Farlex International.
0 ความคิดเห็น