สำหรับหมวดนี้เรายังอยู่ในส่วนของ Grammar สำหรับที่นักศึกษาถามมาเรื่องข้อสอบ การวิเคราะห์ข้อสอบ และเทคนิควิธีลัดในการทำข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ TOEIC, TOEFL หรือข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษระดับปริญญาตรีขึ้นไปนั้น ผมจะทำแยกไว้อีกหมวดนะครับ แต่ตอนนี้เราต้องมาปูพื้นฐานไวยากรณ์กันให้หนักแน่นก่อน

ตอนที่ 13 ผมได้อธิายถึง Reflexive Pronouns กับ Intensive Pronouns วันนี้เราก็จะมาต่อกันเกี่ยวกับเรื่องคำสรรพนาม มีดังนี้

คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronouns)

นิยาม
คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronouns) หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนาม โดยไม่ระบุถึงวาเป็นบุคคลหรือสิ่งของอย่างเฉพาะเจาะจง มีคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronouns) หลายตัวในภาษาอังกฤษที่เราจะต้องจำให้ดี ดังตารางต่อไปนี้ครับ

ตารางคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronouns)
คน กับสิ่งของ
เอกพจน์
พหูพจน์
เอกพจน์ หรือ พหูพจน์
คนหรือสิ่งของ
another
one*
each
either
other
both
few
fewer
many
others
several
all
any
more
most
neither
none
plenty
some
คนเท่านั้น
anybody
anyone
everybody
everyone
one*
nobody
no one
no-one
somebody
someone
whoever
whosoever
whomever
whomsoever
you*
they*
-
สิ่งของเท่านั้น
anything
enough
everything
less
little
much
nothing
something
such
this
whatever
whichever
-
such

หมายเหตุ 1
คำว่า "You" เป็นคำสรรพนามแทนบุรุษที่ 2 ตามที่กล่าวมา แต่ You ยังสามารถใช้เป็นคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะได้เพื่อแสดงถึงบุคคลที่ไม่ชี้เฉพาะ ในที่นี้หมายถึงเป็น generic you, impersonal you, หรือ indefinite you
You ใช้เป็นทางการน้อยกว่า one แต่ก็นิยมใช้ You กันมากกว่าเพราะว่ามันจะดู(ไม่เหมือนผู้ดีมากเกินไป) หรือเพราะว่าบางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาทางการ เพราะว่า "one" ใช้หมายถึงคน เพียงแต่ไม่ระบุว่าเป็นคนไหน บางครั้งเราเรียกว่า impersonal pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะบุคคล) สรุปว่า ถ้าเราต้องการเขียนเป็นทางการมาก (very formal) ก็ให้ใช้ one แต่ถ้าเป็นทางการน้อยกว่า ก็ให้ใช้ you ครับ
หมายเหตุ 2
การใช้สรรพนาม one ที่ไม่ชี้เฉพาะอีกกรณีหนึ่ง คือ เราจะใช้ one เป็นคำบอกปริมาณ(quantifier) เช่น
• “I think I'll get the red one"
(ฉันคิดว่า ฉันจะเอาอันสีแดงนั้น)
หมายเหตุ 3
เราสามารถใช้ They เป็นคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะได้ ซึ่งหมายถึงคนโดยทั่วไป เช่น
• “They say that drinking too often is bad  for your health.”
(คนเขาบอกว่า การดื่มบ่อยเกินเป็นสิงไม่ดีสำหรับสุขภาพของคุณ)

คำอธิบายจากตาราง

ระหว่าง เอกพจน์ กับ พหูพจน์ (Singular vs. Plural)

เราจะเห็นว่ามีคำสรรพนามจำนวนมากที่อ้างอิงถึงสิ่งที่มากกว่าหนึ่ง เช่น คำว่า 
everything (ทุก ๆ สิ่ง)  everyone (ทุก ๆ คน) ฯลฯ
เราอาจจะคิดว่าเป็นรูปพหูพจน์ แต่ในภาษาอังกฤษเขานับเป็นหน่วยเดียว ว่าเป็นรูปเอกพจน์
หมายความว่า คำนั้นสร้างมาจากหลายคนหรือหลายสิ่ง แล้วมาจัดจัดให้เป็นกลุ่มเดียว ดังนั้น กริยาก็ต้องเป็นรูปเอกพจน์ เช่นเดียวกัน ครับ

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Everyone is invited.”
• “I hope everything is alright; I would hate if it wasn’t.”
ต่างจากประโยคนี้
• “Many are in agreement with their peers.”

คำสรรพนามบางตัวเป็นได้ทั้งรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ ขึ้นอยู่กับบริบทและการใช้
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “All are welcome should they wish to attend.” (พหูพจน์)
(ทั้งหมดยินดีต้อนรับ ถ้าพวกเขาอยากเข้าร่วม)
• “All is right with the world.” (เอกพจน์)
(ทั้งหมดเป็นสิ่งถูกต้องกับโลกเรา)

คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ ระหว่างคนกับสิ่งของ (People vs.Things)

เนื่องจากทั้งคนและสิ่งของสามารถถูกระบุในประโยคด้วยคำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะได้ สรรพนามบางตัวใช้ได้เฉพาะคนเท่านั้น หรือสรรพนามบางตัวใช้กับสิ่งของได้เท่านั้น

สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ หมายถึง คน (People)

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Would anyone like a drink?”
(ไครบ้างอยากดื่ม)
ในที่นี้ anyone (ใครบางคน) หมายถึง บุคคลไหนก็ได้ แต่ไม่ชี้เฉพาะว่าเป็นคนไหน
แต่ถ้าเราต้องการระบุเฉพาะบุคคล ก็ให้ใช้สรรพนามแทนบุคคล เช่น
• “Would you like a drink?”
(คุณอยากจะดื่มไหม)
ในกรณีที่ถ้าเราไม่อยากใช้ anyone สามารถใช้คำอื่นแทนได้ เช่น
• “I don’t think [anybody/anyone]wants to dance.”
(ฉันไม่คิดว่า ใครบางคนต้องการเต้น)
แต่เราใช้ anyone เป็นภาษาทางการมากกว่า anybody
• “One* would hope that this sort of behavior wouldn’t be tolerated.”
(คนเราจะหวังว่าพฤติกรรมแบบนี้คงจะไม่มีใครทนได้)
•  You* would think that the government would have thought of that already.”
(คนเราคงจะคิดว่ารัฐบาลจะคิดเรื่องนั้นได้เองเป็นที่เรียบร้อย)
• “I can’t believe [nobody/no one/no-one] came to my play!”
(ฉันไม่เชื่อว่า ไม่มีใคร มาดูการเล่นของฉัน)
• “She’s hoping [somebody/someone] will help her with her work.”
(หล่อนหวังว่า ใครบางคน จะช่วยงานหล่อน)
• “They* say you should always wear a helmet on a bicycle.”
(คนเขาบอกว่า คุณควรสวมหมวกเสมอตอนขี่จักรยาน)

สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ หมายถึง สิ่งของ (Things)

เราสามารถใช้คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะกับสิ่งต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Is there something you’d like to say?”
(คุณมีบางสิ่งที่อยากจะกล่าวไหม)
• “I don’t care what I eat, so just order me anything.”
(ฉันไม่สนในสิ่งที่ฉันกิน ดังนั้น เพียงแค่สั่ง สิ่งใด ๆ มาให้ฉันก็ได้)
• “I think she has had enough.”
(ฉันคิดว่าหล่อนได้กิน สิ่งนั้นพอแล้ว)
• “He wanted to buy everything in the shop.”
(เขาต้องการซื้อทุกสิ่งในร้านนั้น)
• “The less you know, the better.”
(ยิ่งคุณรู้สิ่งนั้นน้อย ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีกว่า)
• “There was nothing she felt like doing.”
(ไม่มีสิ่งใดที่หล่อนรู้สึกอยากทำ)
• “There is still much to be done.”
(ยังมีมากสิ่งกว่าจะเสร็จ)

สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ คนและสิ่งของ

สำหรับคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ ที่หมายถึงคนหรือสิ่งของ จะต้องพิจารณาจากบริบทและองค์ประกอบของประโยค
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “One was short and stout; the other was long and skinny.”
(อันหนึ่ง สั้นและอ้วน ส่วนอันอื่น ยาวและผอม)
จากประโยคนี้ เราไม่สามารถระบุได้ว่า one กับ other หมายถึง คนหรือสิ่งของ ต้องอาศัยสิ่งที่อยู่ก่อนหรือหลังประโยคจึงจะระบุได้ชัดเจน
• “Get both if you like them so much.”
(จงรับเอาทั้งคู่ ถ้าคุณชอบพวกมันมาก)
กรณีนี้เราพอสรุปได้ว่า both แทนสิ่งของเพราะว่า กริยา get จะไม่ใช้กับคน ในกรณี้

พิจารณาตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ อาจเป็นได้ทั้งคนหรือสิ่งของ ขึ้นอยู่กับบริบท
• “Come on, let’s get another!”
• “Each  will get a turn to speak.”
• “I think either will do for now.”
• “Few came to the service, in the end.”
• “There are fewer than I remember.”
• “Many are voicing their concerns.”
• “One likes to play the banjo, while the other prefers the piano.”
• “There are a few others that still need to be collected.”
• “Most have left, but several are still here.”
• “There were plenty there.”
• “All are accounted for.”
(จากประโยคทั้งหมดที่ยกมาเราจะเห็นว่า มีการใช้คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ แต่เรายังไม่สามารถบอกได้ชัดว่าเป็นคนหรือสิ่งของ ดังนั้นจะต้องอาศัยบริบทอื่น หรือประโยคข้างเคียงมาเป็นตัวบอก)

คำคุณศัพท์ไม่ชี้เฉพาะกับคำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ(Indefinite Adjectives vs. Indefinite Pronouns)

สรรพนามไม่ชี้เฉพาะยังสามารถทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ไม่ชี้เฉพาะได้ ถ้าวางไว้หน้าคำนาม
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “There is more to be done.” (กรณีนี้เป็น indefinite pronoun)
(ยังมีอีกกว่าจะเสร็จ)
• “There is more work to be done.” (กรณีนี้เป็น indefinite adjective)
(ยังมีงานอีกกว่าจะทำเสร็จ)
• “There is another who can fill in, if necessary.” (กรณีนี้เป็น indefinite pronoun)
(มีคนอื่นผู้ที่สามารถทำแทน ถ้าจำเป็น)
•  “There is another student who can fill in, if necessary.” (กรณีนี้เป็น indefinite adjective)
(มีนักเรียนคนอื่นผู้ที่จะทำแทน ถ้าจำเป็น)

สำหรับโพสท์นี้ จะขยายความเรื่องคำสรรพนามไว้เพียงแค่นี้ก่อน ยังมีอีกหลายประเด็นเกี่ยวกับคำสรรพนาม โปรดติดตามตอนต่อไป สวัสดีครับ

เรียบเรียงโดย
  • ติวเตอร์แบงค์
  • สถาบันติว PERFECT ซ.รามคำแหง 43/1
  • ติวเตอร์ประจำวิชา ENG, ENS, CEN2101, CEN2102, APR2101
  • ติดต่อติวเตอร์ โทร. 081-7269394 Line ID : sjbank
เอกสารอ้างอิง
  1. Brinton, Laurel J. & Donna M. Brinton. 2010. The linguistic structure of Modern English, 2nd edn. Amsterdam: John Benjamins Publishing Company.
  2. Hopper, Paul J. 1999. A short course in grammar. New York: W. W. Norton & Company.
  3. Huddleston, Rodney. 1984. Introduction to the grammar of English. Cambridge: Cambridge University Press.
  4. Raymond Murphy. 2019. English Grammar in Use, Cambridge University Press; 5 edition (24 Jan. 2019).
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 6 ธ.ค. 2562